ประวัติ Lazada
Lazada ที่เป็น eMarketplace ยักใหญ่ของเอเชีย ในเมืองไทย ตอนนี้ Lazada.co.th มีลูกค้ามากกว่า 20ล้านคนต่อเดือน ทิ้งห่างเบอร์ 2 อย่าง Weloveshopping ที่มีแค่เดือนล่ะ 6 ล้านกว่าคนเท่านั้น ดังนั้น Lazada จึงเป็น eMarketplace เจ้าใหญ่ที่สุดในไทย
Jack Ma
เป็นเจ้าของ 9 ธุรกิจยักใหญ่ของจีน อันได้แก่ Alibaba.com, Taobao, Tmall, eTao, Alibaba Cloud Computing, Juhuasuan, 1688.com, AliExpress.com และ Alipay
ประวัติ Lazada
Lazada เป็น เว็บ e-commerce ขนาดใหญ่ มีธุรกิจใน 6 ประเทศคือ สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ไทย, เวียตนาม และฟิลิปปินส์ มีลูกค้ากว่า 600 ล้านคน
Lazada เน้นการระดมเงินทุน แล้วก็ทุ่มเงินลงไปในการทำตลาด การโฆษณา และดัมพ์ราคาสินค้าให้ถูกกว่าท้องตลาด ผ่านระบบคูปอง (ถ้าพูดให้เพราะก็ใช้คำว่า Subsidize ครับ) ยอมขาดทุนมหาศาล เพื่อให้ได้จำนวนลูกค้าให้มากที่สุดครับ แล้วก็มีบริการ door to door delivery คือการส่งของจากผู้ขายถึงลูกค้า
อีกทั้งยังมีระบบจ่ายเงินปลายทาง (Cash on Delivery) ทำให้เกิดสะดวกสบายสุดๆ ด้วยกลยุทธ์แบบนี้ Lazada เลยเป็น eMarketplace ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่ไม่มีคู่แข่งเลยครับ พอ Jack Ma เห็นก็หวานสิครับ มีลูกค้าไทยมารอซื้อของจีน มากมายขนาดนี้ เลยรีบฮุป Lazada
บางคนอาจมีคำถามว่า Lazada ทำไมถึงขาย แน่นอนว่า ราคาที่แจ็คหม่าซื้อ สูงมาก เท่าที่หาข้อมูลได้ก็ประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะถือหุ้นประมาณ 20% ซึ่งจะทำให้ Jack Ma เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในขณะที่ Rocket Internet ซึ่งเดิมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ กลายเป็นผู้ถือหุ้นรอง แต่ Rocket Internet ก็คงพอใจมากครับเพราะก็ยังมีหุ้นใน Lazada อยู่ และเชื่อว่า Jack Ma จะสร้างรายได้ให้ Lazada ได้มหาศาลกว่าตัวเองทำ ดังนั้น Rocket Internet นั่งนับเงินจาก Lazada ดีกว่า แล้วตัวเองก็ไปทำอย่างอื่นแทน สบายใจเฉิบ
Alibaba ซื้อ Lazada
ดีลครั้งใหญ่ของ Alibaba มูลค่า 1,000 ล้านเหรียญที่เข้าซื้อกิจการของ Lazada เพื่อเปิดตลาดการค้าออนไลน์ของภูมิภาคอาเซียน ที่มีประชากร 600 ล้านคน กล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่ใครหลายคนคาดการณ์ไว้แล้ว เพราะ Alibaba เองก็เล็งตลาดนี้มาระยะเวลาหนึ่ง เพราะเห็นแล้วว่า อาเซียน เป็นภูมิภาคที่มีความ Mobile First ในระดับสูง เปิดรับการซื้อขายผ่าน e-Commerce พอสมควร และการซื้อ Lazada ก็เป็น Shot Cut ที่ดีสำหรับยักษ์ใหญ่จากจีน
รายใหญ่มา กระตุ้นตลาด เชื่อแข่งเรื่องบริการหนักหน่วง
สรรเสริญ สมัยสุต หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ ของ Ascend Group บอกว่า ประชากรในภูมิภาคนี้มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงขึ้นอย่างชัดเจน และกำลังเข้าสู่ยุคของ e-Commerce อย่างเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ การที่ Alibaba จะกระโดดเข้ามาทำธุรกิจจึงไม่ใช่เรื่องแปลก และเชื่อว่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ e-Commerce เติบโตขึ้น จากปัจจุบัน e-Commerce ในอาเซียนมีมูลค่าประมาณ 1% ของมูลค่าค้าปลีก ขณะที่มูลค่า e-Commerce ของ จีนหรืออเมริกา ขึ้นถึงหลัก 10% ของมูลค่าค้าปลีกแล้ว ถือว่าเห็นแนวโน้มการเติบโต
ทั้งนี้ เชื่อว่า การมาของ Alibaba เป็นปัจจัยบวกกับตลาด จะเห็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพิ่มขึ้น ไม่ใช่เฉพาะ e-Commerce แต่รวมถึง Segment ทางธุรกิจอื่นๆ ก็จะตามมา รวมถึงจะมีส่วนดึงนักลงทุนเข้ามา และยังช่วยเพิ่มอัตราการจ้างงานเพื่อรองรับปริมาณงานที่จะเพิ่มขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนคือ การแข่งขันที่หนักหน่วงและรุนแรงขึ้นกว่าเดิม และแนวโน้มที่อาจจะมีรายใหญ่อื่นๆ ตามเข้ามาอีก แต่เชื่อว่าการแข่งขันจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องราคา แต่จะต้องดูด้านอื่นๆ เช่น Payment, Fulfillment และ Service Add on อื่นๆ ซึ่งต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค รวมถึงผู้ให้บริการ Marketplace ที่มี Ecosystem ครบวงจร จะสามารถแข่งขันเพื่อให้บริการได้ดี
Comments